คำปราศรัยของพระสันตะปาปาฟรังซิสกับผู้รับผิดชอบ PMS
วันเสาร์ที่ 10 พฤษภาคม 2014 ในโอกาสประชุมใหญ่ประจำปี 2014

พระคาร์ดินัล พระสังฆราช บรรดาพระสงฆ์ และพี่น้องชายหญิงที่เคารพทุกท่าน
ขอต้อนรับผู้อำนวยการ PMS และผู้ร่วมงานของกระทรวงการประกาศข่าวดีสู่ปวงชนทุกท่าน ข้าพเจ้าขอขอบคุณพระคาร์ดินัล เฟรนันโด ฟีโลนี และทุกๆท่านที่ได้รับใช้งานธรรมทูตของพระศาสนจักรด้วยการนำข่าวดีไปสู่ ประชาชนทั่วทุกมุมโลก 


         ในสมณสาส์นชื่อ ความชื่นชมยินดีแห่งพระวรสาร (Evangelii gaudium) ข้าพเจ้าได้เชิญชวนผู้มีความเชื่อทุกคนให้มุ่งไปสู่การประกาศข่าวดี ในสมัยของเรานี้งานการประกาศข่าวดีแก่คนที่ยังไม่รู้จักพระเจ้า(mission ad gentes) ยังคงเป็นพลังขับเคลื่อนพื้นฐานของการทำงานของพระศาสนจักร ความกระตือรือร้นในการประกาศข่าวดีไปให้ถึงเป้าหมาย ด้วยการเป็นประจักษ์พยานแห่งความศักดิ์สิทธิ์และการเป็นธรรมทูตผู้มีน้ำใจดี ช่วยทุกๆชุมชนให้สร้างสรรค์งานอภิบาลที่ต้องออกไปและทำให้งานอภิบาลมี ประสิทธิภาพ ด้วยการปฏิรูปโครงสร้างและการทำงาน การออกไปทำงานธรรมทูตเป็นกิจกรรมที่ต้องอยู่ในวิสัยทัศน์ของพระศาสนจักรทุก แห่ง (เทียบ EG 15)

               การประกาศข่าวดีของพระเยซูคริสตเจ้าในช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงทางสังคม นี้ เรียกร้องพระศาสนจักรให้ก้าวออกไปใช้ความสามารถที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องกับ วัฒนธรรมที่หลากหลายและวิสัยทัศน์ที่แตกต่างของสังคม เพราะโลกแห่งการเปลี่ยนแปลงจำเป็นต้องฟื้นฟูพระศาสนจักรขึ้นใหม่ และเปลี่ยนแปลงโดยการรำพึงภาวนาและการมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระเยซูค ริสตเจ้า โดยอาศัยพลังกำลังจากพระจิต พระจิตของพระเยซูคริสต์ทรงเป็นบ่อเกิดของการฟื้นฟู เพราะพระองค์ช่วยเหลือเราให้ค้นพบวิธีการใหม่ๆที่สร้างสรรค์ และมีรูปแบบที่หลากหลายในการประกาศข่าวดีสำหรับโลกปัจจุบัน พระจิตเจ้าทรงเป็นผู้ประทานพละกำลังในเส้นทางแห่งการประกาศข่าวดี และความชื่นชมยินดีแห่งการประกาศข่าวดีของพระเยซูคริสตเจ้า ทั้งนี้เพื่อให้แสงสว่างของพระคริสต์ได้ส่องสว่างแก่บุคคลที่ยังไม่รู้หรือ ปฏิเสธพระองค์ สิ่งนี้เรียกร้องให้เรากล้าหาญในการ “ ออกไปยังทุกพื้นที่ที่ต้องการแสงสว่างแห่งพระวรสาร” (EG 20) ซึ่งไม่ว่าจะเป็นความอ่อนแอ บาป หรืออุปสรรคมากมายจะเกิดขึ้นในหนทางแห่งการเป็นประจักษ์พยานและการประกาศ ข่าวดี สิ่งเหล่านี้จะไม่ทำให้เราต้องถอยไปข้างหลัง ประสบการณ์ของการสนิทสัมพันธ์กับองค์พระผู้เป็นเจ้าเป็นสิ่งที่กระตุ้นเรา ให้ทำงานต่อไปและให้ความชื่นชมยินดีในการประกาศพระองค์ให้กับมนุษย์ทุกคน

               พระศาสนจักรคือธรรมทูตโดยธรรมชาติของพระศาสนจักรเอง ได้สืบทอดการรับใช้ด้วยกิจการแห่งความรักให้กับทุกคนตามสิทธิพื้นฐานของ แต่ละบุคคล ความเป็นพี่เป็นน้องสากลและความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันมีส่วนในธรรมชาติกับ ชีวิตและพันธกิจของพระศาสนจักรท่ามกลางโลกและอยู่เพื่อโลก การประกาศข่าวดี ซึ่งจะต้องไปถึงทุกคนนั้น โดยเริ่มต้นอย่างน้อยที่สุดกับคนยากจน บุคคลที่ต้องแบกภาระและความเครียดในชีวิต  ในการกระทำเช่นนี้พระศาสนจักรได้สานต่อพันธกิจของพระเยซูเจ้าเอง พระองค์ทรง “เสด็จมาเพื่อให้ชีวิต และทำให้ชีวิตนั้นสมบูรณ์”  พระศาสนจักรเป็นบุคคลแห่งความสุขแท้ (Beatitudes) เป็นบ้านของคนยากจนและคนที่มีความทุกข์ คนที่ถูกจำกัดและถูกเบียดเบียนข่มเหง บุคคลที่กระหายหาความถูกต้องเที่ยงธรรม ท่านได้รับการร้องขอให้ทำงานและเพียรพยายามเพื่อให้ชุมชนของพระศาสนจักร พร้อมที่จะต้อนรับคนยากจนด้วยความรักพิเศษ เปิดประตูของพระศาสจักรเพื่อให้ทุกคนได้เข้ามาพักพิงภายในได้

         สมณองค์กรสนับสนุนงานแพร่ธรรม (PMS) เป็นเครื่องมือพิเศษที่ดึงดูดความสนใจและการเอาใจใส่ดูแลงานประกาศข่าวดีสู่ นานาชาติ ( mission ad gentes) ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงขอให้ท่านในฐานะที่เป็นผู้ที่ได้รับการดลใจและผู้ให้การอบรมใน เรื่องสำนึกแห่งการเป็นธรรมทูตให้กับพระศาสนจักรท้องถิ่นต่างๆ เป็นผู้ส่งเสริมความร่วมรับผิดชอบในงานประกาศข่าวดี ให้รักษาความขยันหมั่นเพียรนี้ไว้ มีความจำเป็นอย่างยิ่งยวดสำหรับพระสงฆ์ ผู้ถวายตนและฆราวาสผู้ที่มีความรักต่อพระคริสต์ พวกท่านเป็นตราสัญลักษณ์ของพระอาณาจักรของพระเจ้าและผู้ที่เตรียมพร้อมที่จะ ก้าวออกไปประกาศข่าวดีของพระเจ้า

          ข้าพเจ้าขอขอบคุณ สำหรับการทำงานรับใช้ที่ทรงคุณค่าของพวกท่าน ท่านได้อุทิศตนในการประกาศพระอาณาจักรของพระเจ้าเพื่อให้ความรักและแสงสว่าง ของพระคริสต์ไปถึงทั่วทุกมุมโลก ขอให้พระแม่มารีย์  มารดาแห่งพระวรสารที่มีชีวิต ร่วมทางกับพวกท่านในการประกาศข่าวดีของพระเจ้า
ขออวยพรท่านและผู้ร่วมงานของท่านทุกคน ขอบคุณ
พระสันตะปาปาฟรังซิส