“ใจที่เร่าร้อนเป็นไฟ เท้าต้องก้าวเดินไป" (เทียบ ลก 24:13-35) ....สารวันแพร่ธรรม ปี 2023....

สารสมเด็จพระสันตปาปาฟรังซิส
ในโอกาสวันแพร่ธรรมสากล ประจำปี 2017
“การแพร่ธรรม หัวใจ ความเชื่อคริสตชน”
(Mission at the heart of the Christian faith)

พี่น้องชาย-หญิงที่รัก
       วันแพร่ธรรมสากลปีนี้เป็นอีกครั้งหนึ่งที่รวมเราไว้รอบๆพระบุคคลของพระเยซูเจ้า “ทรงเป็นผู้ประกาศพระวรสารพระองค์แรกและสำคัญที่สุด” (สมเด็จพระสันตะปาปา เปาโล ที่ 6: EN 7) ผู้ทรงส่งเราไปประกาศข่าวดีแห่งความรักของพระเจ้า พระบิดา ด้วยพระอานุภาพของพระจิตเจ้าเรื่อยมา วันนี้เชิญชวนเราให้ไตร่ตรองอีกครั้งถึง “การแพร่ธรรม หัวใจ ความเชื่อคริสตชน” พระศาสนจักรมีธรรมชาติเป็นธรรมทูต มิฉะนั้นพระศาสนจักรก็จะไม่เป็นพระศาสนจักรของพระคริสตเจ้าอีกต่อไป แต่เป็นแค่กลุ่มที่เหมือนกับกลุ่มอื่นๆที่ในไม่ช้าเมื่อบรรลุวัตถุประสงค์แล้วก็ผ่านไป ดังนั้นจึงจำเป็นที่เราต้องถามตนเองด้วยคำถามบางประการที่เกี่ยวกับเอกลักษณ์ของคริสตชน และความรับผิดชอบของเราในฐานะผู้มีความเชื่อในโลกที่เต็มไปด้วยความสับสน ความผิดหวัง ความท้อแท้ และการทรมานจิตใจจากสงคราม การฆ่าพี่น้องจำนวนมหาศาลที่ผู้บริสุทธิ์เป็นเป้าหมายอย่างอยุติธรรม พันธกิจพื้นฐานของเราคืออะไร? หัวใจสำคัญของพันธกิจของเราคืออะไร? วิธีการที่จำเป็นที่เราต้องใช้ในการปฏิบัติพันธกิจของเราคืออะไร? :::: DOWNLOAD ::::

 

พันธกิจและพลังการเปลี่ยนแปลงของพระวรสารของพระคริสตเจ้า ผู้ทรงเป็น หนทาง ความจริง และชีวิต
1.    พลังแห่งการเปลี่ยนแปลงของพระวรสารเป็นพันธกิจของพระศาสนจักรที่มีต่อชาย-หญิงที่มีน้ำใจดีทุกคน พระวรสารเป็นข่าวดีที่เปี่ยมไปด้วยความปีติยินดี เนื่องด้วยบรรจุและมอบชีวิตใหม่ เป็นชีวิตของพระคริสตเจ้าผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพ ผู้ทรงมอบชีวิตของพระองค์ในพระจิตเจ้า กลายเป็น หนทาง ความจริง และชีวิตสำหรับเรา (เทียบ ยน 14:6) พระองค์ทรงเป็นหนทาง ผู้ทรงเชื้อเชิญเราให้ติดตามพระองค์ด้วยความเชื่อมั่นและกล้าหาญ ในการติดตามพระเยซูเจ้า ผู้ทรงเป็นหนทาง ของเรา เราได้พบ ความจริง และได้รับ ชีวิต ของพระองค์ ซึ่งเป็นความสมบูรณ์ของความสนิทสัมพันธ์กับพระเจ้า พระบิดา ในพระอานุภาพของพระจิตเจ้า ชีวิตนี้ทำให้เราเป็นอิสระจากความเห็นแก่ตัวทุกชนิด และเป็นบ่อเกิดแห่งความสร้างสรรค์ในความรัก

2.    พระเจ้า พระบิดาทรงปรารถนาให้การเปลี่ยนแปลงนี้ดำรงอยู่ในบุตรชาย-หญิงของพระองค์ การเปลี่ยนแปลงซึ่งแสดงออกด้วยการนมัสการในพระจิตเจ้าและตามความจริง (เทียบ ยน 4:23-24) ผ่านทางชีวิตที่มีพระจิตเจ้าทรงนำทางในการเลียนแบบอย่างของพระเยซูเจ้า พระบุตรผู้ทรงรับพระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้า พระบิดา “พระสิริรุ่งโรจน์ของพระเจ้าเป็นมนุษย์ผู้มีชีวิต” (อีเรเนอุส Adversus Heareses IV, 20, 7) ดังนั้นการเทศน์สอนพระวรสารจึงกลายเป็นวาจาที่มีชีวิตและมีประสิทธิภาพ ซึ่งสัมฤทธิ์ผลในสิ่งที่ประกาศ (เทียบ อสย 55:10-11) พระเยซูคริสตเจ้า ผู้ทรงรับธรรมชาติมนุษย์อย่างต่อเนื่องในทุกสถานการณ์ของมนุษย์(เทียบ ยน 1:14)

พันธกิจและเวลาแห่งพระพรของพระคริสตเจ้า
3.    ดังนั้น พันธกิจของพระศาสนจักรไม่ใช่การเผยแผ่อุดมการณ์ทางศาสนา หรือการนำเสนอจริยธรรมอันสูงส่ง มีขบวนการมากมายในโลกที่ให้แรงบันดาลใจต่ออุดมการณ์อันสูงส่งหรือวิธีการดำเนินชีวิตให้มีความหมาย โดยผ่านทางพันธกิจของพระศาสนจักร พระเยซูคริสตเจ้าเองยังทรงประกาศข่าวดีและปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นพันธกิจของพระศาสนจักรคือการนำเสนอประวัติศาสตร์ของเวลาแห่งพระพร  เวลาที่โปรดปรานของการช่วยให้รอดพ้น โดยทางการประกาศพระวรสาร พระเยซูผู้ทรงกลับคืนพระชนมชีพทรงกลายเป็นผู้ร่วมสมัยกับเรา เพื่อว่าผู้ที่ต้อนรับพระองค์ด้วยความเชื่อและความรักสามารถประสบกับพลังการเปลี่ยนแปลงของพระจิตเจ้า ผู้ทรงทำให้มนุษยชาติและสิ่งสร้างเกิดผล เหมือนฝนที่ทำให้แผ่นดินบังเกิดผล “การกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์มิได้เป็นเหตุการณ์ในอดีต แต่มีพลังชีวิตที่ซึมซาบอยู่ในโลก ณ ที่ทุกสิ่งดูเหมือนตายแล้ว เครื่องหมายแห่งการกลับคืนชีพกลับค่อยๆ ปรากฏขึ้นอีกครั้ง เป็นพลังที่ไม่มีสิ่งใดเทียบเคียงได้”(EG 276)

4.    เราต้องไม่ลืมว่า “การที่เราเป็นคริสตชนไม่ใช่เพราะผลแห่งการเลือกหรือเพราะความคิดเลอเลิศของเรา แต่เป็นการสัมพันธ์กับเหตุการณ์ หรือบุคคล ที่ให้ขอบฟ้าใหม่ของชีวิต และแนวทางในการตัดสินใจที่ถูกต้อง” (พระเจ้าคือความรัก 1) ข่าวดีคือพระบุคคลผู้ทรงมอบพระองค์เองอย่างต่อเนื่องและทรงเชิญชวนตลอดเวลาให้ผู้ที่รับพระองค์ด้วยความถ่อมตนและความเชื่อทางศาสนา ให้แบ่งปันชีวิตของพระองค์ด้วยการมีส่วนร่วมอย่างมีประสิทธิภาพในธรรมล้ำลึกปัสกาแห่งการสิ้นพระชนม์และกลับคืนพระชนมชีพของพระองค์ โดยทางศีลล้างบาป ข่าวดีกลายเป็นจุดกำเนิดของชีวิตใหม่ ได้รับการปลดปล่อยจากอำนาจของบาป ได้รับความสว่างและเปลี่ยนแปลงโดยพระจิตเจ้า โดยทางศีลกำลัง ข่าวดีกลายเป็นการเสริมกำลังการเจิม ซึ่งโดยทางพระจิตเจ้าองค์เดียวกันนี้ทรงชี้หนทางใหม่ และกลยุทธ์สำหรับการเป็นประจักษ์พยานและการก้าวเดินไปด้วยกัน โดยทางศีลมหาสนิท ข่าวดีกลายเป็นอาหารสำหรับชีวิตใหม่ เป็น “ยาอมตะ” (อิกญาซีโอ แห่ง อันทิโอค Ad Ephesios 20,2)

5.    จำเป็นอย่างยิ่งที่โลกต้องการข่าวดีของพระเยซูคริสตเจ้า โดยทางพระศาสนจักร พระคริสตเจ้าเจ้าทรงสานต่อพันธกิจของพระองค์อย่างต่อเนื่อง เหมือนกับชาวสะมาเรียใจดี ดูแลบาดแผลที่มีเลือดไหลของมนุษยชาติ และดังเช่นผู้เลี้ยงแกะที่ดี แสวงหาผู้ที่เดินหลงทางอยู่ในทางที่วกวนซึ่งนำไปโดยไม่มีเป้าหมาย ขอโมทนาพระคุณพระเจ้า ที่ประทานประสบการณ์ที่สำคัญหลายอย่างอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นประจักษ์พยานถึงพลังของการเปลี่ยนแปลงของข่าวดี ข้าพเจ้าคิดถึงการท่าทีของนักเรียนของดินก้า ผู้ได้อุทศชีวิตของเขาเพื่อปกป้องนักเรียนคนหนึ่งจากศัตรูชนเผ่านูร์ที่ต้องการฆ่าเขา ข้าพเจ้าคิดว่าการถวายพิธีบูชาขอบพระคุณที่คิทกัม ทางตอนเหนือของประเทศอูกันดา ในที่ซึ่งหลังจากการถูกสังหารหมู่อย่างโหดร้ายจากกลุ่มกบฏ ธรรมทูตท่านหนึ่งให้ประชาชนพูดซ้ำพระวาจาของพระเยซูเจ้าที่ตรัสบนกางเขนว่า “ข้าแต่พระเจ้า ข้าแต่พระเจ้า ทำไมพระองค์จึงทรงทอดทิ้งข้าพเจ้าเล่า”(มธ 15:34) เป็นการแสดงออกถึงการร้องไห้อย่างสิ้นหวังของพี่น้องชาย-หญิงขององค์พระผู้เป็นเจ้าผู้ทรงถูกตรึงบนไม้กางเขน สำหรับพวกเขาพิธีบูชาขอบพระคุณครั้งนั้นเป็นแหล่งที่มาอันยิ่งใหญ่ของการปลอบโยนและความกล้าหาญ เราสามารถคิดถึงประจักษ์พยานมากมายที่ข่าวดีช่วยให้สามารถเอาชนะความใจแคบ ความขัดแย้ง ลัทธิเหยียดผิว เผ่านิยม และส่งเสริมข่าวดีในทุกที่ ในระหว่างทุกคน การคืนดี ความเป็นพี่น้อง และการแบ่งปัน

พันธกิจให้แรงบันดาลใจชีวิตฝ่ายจิตของการอพยพ การจาริกแสวงบุญ และการเนรเทศอย่างสม่ำเสมอ
6.    พันธกิจของพระศาสนจักรมีชีวิตชีวาขึ้นจากชีวิตฝ่ายจิตของการอพยพอยู่เสมอ เราถูกท้าทาย “ให้ออกจากความสะดวกสบายปลอดภัยของตนเอง และมีความกล้าหาญที่จะไปยังทุกพื้นที่ที่ต้องการแสงสว่างแห่งข่าวดี”(EG 20) พันธกิจของพระศาสนจักรผลักดันเราให้จาริกแสวงบุญอยู่เสมอข้ามทะเลทรายแห่งชีวิตที่หลากหลาย ผ่านทางประสบการณ์ที่แตกต่างกันของผู้หิวโหยและกระหายความจริงและความยุติธรรม พันธกิจของพระศาสนจักรให้แรงบันดาลด้านการเนรเทศอยู่เสมอ  เพื่อทำให้เราตระหนักถึงความกระหายอย่างไม่สิ้นสุด ว่าเรากำลังเดินทางในถิ่นเนรเทศเพื่อไปสู่บ้านแท้ของเรา การปรับตัวระหว่างการ “มาถึงแล้ว” และ “ยังมาไม่ถึง” ของพระอาณาจักรสวรรค์

7.    งานธรรมทูตเตือนพระศาสนจักรว่า พระศาสนจักรมิได้เป็นเป้าโดยตนเอง แต่เป็นเครื่องมือที่ต่ำต้อยและเป็นสื่อกลางของพระอาณาจักร พระศาสนจักรที่อ้างถึงตนเอง อ้างความสำเร็จอย่างทางโลก มิใช่พระศาสนจักรของพระคริสตเจ้าที่ถูกตรึงกางเขนและพระกายอันรุ่งโรจน์ของพระองค์ นี่คือเหตุผลที่เราควรเลือก “พระศาสนจักรที่ต้องประสบอุบัติเหตุ บาดเจ็บและสกปรก เพราะออกไปสู่ถนนหนทางภายนอกมากกว่าพระศาสนจักรที่เจ็บป่วยเพราะปิดขังตนเอง และอยู่ในความสะดวกสบายที่ยึดติดกับความมั่นคงปลอดภัยของตัวเอง”(EG 4)

เยาวชน ความหวังของพันธกิจ
8.    เยาวชนเป็นความหวังของพันธกิจ พระบุคคลของพระเยซูคริสตเจ้าและข่าวดีที่พระองค์ทรงประกาศดึงดูดคนหนุ่มสาวอย่างต่อเนื่อง พวกเขาแสวงหาหนทางที่จะอุทิศตนเองด้วยความกล้าหาญและความกระตือรือร้นเพื่อรับใช้มนุษยชาติ “มีเยาวชนจำนวนมากเสนอตัวให้ความช่วยเหลือเป็นอาสาสมัครรูปแบบต่างๆ หลายคนมีส่วนร่วมในชีวิตของพระศาสนจักร ให้ชีวิตชีวาแก่กลุ่มงานรับใช้ต่างๆ และริเริ่มงานธรรมทูตในสังฆมณฑล หรือในสถานที่อื่นๆ นับเป็นความงดงามที่จะให้บรรดาเยาวชนเป็น “ผู้จาริกทางความเชื่อ” มีความสุขที่จะนำพระเยซูเจ้าไปตามท้องถนน ตามสี่แยก และในทุกมุมโลก”(EG 106) การประชุมสมัชชาพระสังฆราชครั้งต่อไปในปี 2018 ในหัวข้อ “คนหนุ่มสาว ความเชื่อ และการไตร่ตรองทางเลือกกระแสเรียก”  เป็นโอกาสพิเศษให้ผู้มีส่วนร่วมที่เกี่ยวข้องกับคนหนุ่มสาวได้แบ่งปันความรับผิดชอบงานธรรมทูต ซึ่งต้องการความมั่งคั่งทางพลังความนึกคิดและความคิดสร้างสรรค์ของพวกเขา

การให้บริการของสมณองค์กรสนับสนุนงานแพร่ธรรม(PMS)
9.    สมณองค์กรสนับสนุนการแพร่ธรรมเป็นเครื่องมืออันทรงคุณค่าของการกระตุ้นทุกชุมชนคริสตชน ให้มีความปรารถนาที่จะเข้าถึงสิ่งที่เกินขอบเขตและความมั่นคงของตนเอง เพื่อที่จะประกาศข่าวดีแก่ทุกคนขอขอบคุณพวกเขาสำหรับชีวิตฝ่ายจิตแห่งการเป็นธรรมทูตที่ลึกซึ้ง ที่ได้หล่อเลี้ยงทุกวัน และความมุ่งมั่นอย่างต่อเนื่องในการเพิ่มความตระหนักและความกระตือรือร้นในการเป็นธรรมทูตให้กับบรรดาคนหนุ่มสาว ผู้ใหญ่ ครอบครัว พระสงฆ์ พระสังฆราช และนักบวชชาย-หญิง ให้ทำงานเพื่อพัฒนาหัวใจการเป็นธรรมทูตในทุกคน การที่สมณกระทรวงเผยแพร่ความเชื่อได้ส่งเสริมวันแพร่ธรรมสากล จึงเป็นโอกาสดีที่ทำให้หัวใจธรรมทูตของชุมชน คริสตชนเข้าร่วมด้วยการสวดภาวนา เป็นประจักษ์พยานด้วยชีวิต เป็นหนึ่งเดียวกันในทรัพย์สิน เพื่อตอบสนองต่อความต้องการอย่างมากมายและเร่งด่วนในการประกาศพระวรสาร

ปฏิบัติพันธกิจของเรากับพระนางมารีย์ มารดาแห่งการประกาศพระวรสาร
10.    พี่น้องชาย-หญิงที่รัก ในการกระทำพันธกิจของเรา ให้เราได้รับแรงบันดาลใจจากพระนางมารีย์ มารดาแห่งการประกาศพระวรสาร โดยการนำของพระจิตเจ้า พระนางทรงรับพระวจนาถแห่งชีวิตด้วยความถ่อมตนของความเชื่ออันลึกซึ้ง ขอพระมารดาพรหมจารี โปรดช่วยข้าพเจ้าทั้งหลายให้กล่าว “ใช่” ด้วยความตระหนักถึงความจำเป็นเร่งด่วนในการทำให้ข่าวดีของพระเยซูเจ้าดังก้องในยุคสมัยของเรา ขอพระแม่โปรดให้เรามีความกระตือรือร้นขึ้นใหม่ในการนำข่าวดีแห่งชีวิตที่ได้รับชัยชนะเหนือความตายไปให้ทุกคน ขอพระแม่โปรดทรงวอนขอ เพื่อเราจะได้สามารถได้รับความกล้าหาญอันศักดิ์สิทธิ์ที่จำเป็นเพื่อจะได้ค้นพบวิธีการใหม่ๆที่จะนำพระพรแห่งการช่วยให้รอดพ้นไปสู่ชาย-หญิงทุกคน                                                         

 สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส

4 มิถุนายน 2017  นครรัฐวาติกัน
สมโภชพระจิตเจ้า

 

ผู้อํานวยการ PMS ประเทศไทย

คุณพ่อเปาโล ไตรรงค์  มุลตรี ผู้อํานวยการ สมณองค์กรสนับสนุนงานแพร่ธรรม (PMS)ประเทศไทย
คุณพ่อเปาโล ไตรรงค์  มุลตรี
ผู้อํานวยการ
สมณองค์กรสนับสนุนงานแพร่ธรรม
(PMS)ประเทศไทย


LINKS

www.ppoomm.v

http://www.catholicmission.org.au/http://www.missionsocieties.ca/www.pms-phil.orgwww.missio.org.mthttp://www.obrasmisionalespontificias.es/คณะธรรมทูตไทย

สถิติการเยี่ยมชม

14529239
Today
Yesterday
This Week
This Month
All days
455
742
2845
5834
14529239
Your IP: 18.220.126.5
2024-04-20 13:48