“ใจที่เร่าร้อนเป็นไฟ เท้าต้องก้าวเดินไป" (เทียบ ลก 24:13-35) ....สารวันแพร่ธรรม ปี 2023....

วันที่ 23 ตุลาคม 2019
วันพุธ สัปดาห์ที่ 29 เทศกาลธรรมดา
นักบุญยอห์น แห่งกาปิสตราโน
รม 6:12-18  สดด 124:1ก-8  ลก 12:39-48
    บทอ่านที่หนึ่ง จากจดหมายของนักบุญเปาโลถึงชาวโรม เปาโลยืนยันว่า ไม่มีประโยชน์อันใดที่จะถือกฎของโมเสส เพราะนั่นทำให้มนุษยชาติขาดอิสรภาพ เป็นทาสและไม่มีศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ ในความเป็นจริง ก่อนที่จะมีกฎของโมเสส  บาปและความตายมีอยู่ในโลกแล้ว เพราะอาดัม ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ที่จะตำหนิคนบาปเนื่องจากบาปของอาดัม อย่างไรก็ตาม หากพิจารณาตามกฎธรรมชาติ ซึ่งมนุษย์ทุกคนล้วนเข้าใจถึงกฎนี้ในใจอยู่แล้ว นั่นคือ ความรับผิดชอบต่อบาปของตนเป็นเรื่องส่วนบุคคล เพราะฉะนั้น หลังจากมีกฎของโมเสส ชาวยิวจึงรู้สึกได้ถึงความรับผิดชอบที่เพิ่มมากขึ้นจากความผิดของพวกเขา


    ความหวังของชาวยิว คือ วันสุดท้ายเมื่อพระเมสสิยาห์เสด็จกลับมาพร้อมกับกฎใหม่ นั่นเป็นช่วงเวลาที่สาม (Third period) ซึ่งเปาโลเรียกว่า เวลาแห่งความสมบูรณ์ ผ่านทางการประสูติ และพระธรรมล้ำลึกแห่งปัสกาขององค์พระคริสตเจ้า เปาโลสอนว่าหลังจากที่พระองค์เสด็จมา เราทุกคนจะเป็นอิสระจากกฎของโมเสส เพราะเราได้รับพระหรรษทานจากองค์พระคริสตเยซูซึ่งได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว

    ณ เวลานี้ เปาโลสอนว่า พระหรรษทานขององค์พระผู้เป็นเจ้าเอาชนะความบาปผิดของมวลมนุษย์ เปาโลยืนยันกับคริสตชนทั้งหลายว่าผู้ที่มีส่วนร่วมในความเชื่อถึงพระธรรมล้ำลึกปัสกาของพระคริสตเจ้าแล้วนั้น จะเป็นอิสระจากบาปและผลของบาป ซึ่งอิสระจากบาปไม่ได้หมายความว่า สามารถทำบาปต่อไปเหมือนเมื่อก่อน แต่หมายถึงการตายต่อบาปและดำเนินชีวิตเพื่อพระเจ้า เพราะฉะนั้น กฎของโมเสสจึงไม่ใช่แก่นอีกต่อไป แต่เป็นความสมบูรณ์แห่งพระหรรษทาน และคริสตชนจำเป็นต้องปฏิบัติความดีเท่านั้น ด้วยความรักและให้ความยุติธรรมต่อกันและกัน และนี่คือพันธกิจธรรมทูตของพระศาสนจักร

    ในพระวรสาร เปโตรทูลว่า “พระเจ้าข้า พระองค์ตรัสอุปมานี้สำหรับพวกเราหรือสำหรับทุกคน” (ลก 12:41) อุปมาของพระเยซูเจ้านี้ สำหรับทุกคนที่เป็นสมาชิกในพระศาสนจักร ซึ่งได้รับการเชื้อเชิญให้ดำเนินงานตามหน้าที่ของตนทุกวันด้วยความซื่อสัตย์ โดยไม่เป็นคนผัดวันประกันพรุ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง คนที่มีบทบาทเป็นผู้นำในพระศาสนจักรต้องมีความรับผิดชอบอันยิ่งใหญ่ ด้วยงานรับใช้พระคริสตเยซูและงานประกาศข่าวดีแห่งพระวรสาร เพราะพระเยซูเจ้าตรัสว่า “ผู้รับใช้คนนั้นเป็นสุข ถ้านายกลับมาพบเขากำลังทำดังนี้ เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า นายจะแต่งตั้งเขาให้ดูแลทรัพย์สินทั้งหมดของตน” (ลก 12:43-44) ดังนั้น ผู้นำของพระศาสนจักรย่อมมีหน้าที่จัดการสิ่งต่างๆ อย่างเป็นธรรมและโปร่งใส่ ซึ่งเป็นประเด็นที่ต้องให้ความสำคัญอย่างยิ่งในโลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยความโลภ

    เราควรตระหนักถึงแนวคิด ทัศนคติของผู้รับใช้ที่ไม่ซื่อสัตย์ ผู้ซึ่งคิดว่านายจะมาช้า ซึ่งก็หมายถึงผู้ที่ตัดขาดพระเจ้าจากหัวใจของเขา ไม่สนใจที่จะรักเพื่อนพี่น้องคนรอบข้าง และไม่เชื่อในแผนการของพระเจ้าที่มีสำหรับพวกเขา พระวรสารได้กล่าวว่า องค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จมาดังผู้พิพากษาตามการกระทำของแต่ละคนตลอดชีวิตของพวกเขา

    ทั้งในจดหมายของนักบุญเปาโลและพระวรสาร ต่างพูดถึงความชั่วร้าย แต่ด้วยความเที่ยงธรรมของพระคริสตเจ้าทรงชนะความตาย ซึ่งเป็นเครื่องหมายที่ส่งเสริมพันธกิจของเราคริสตชน ด้วยความพากเพียรด้วยหัวใจของบรรดาศิษย์ธรรมทูต โดยการนำของพระจิตเจ้าผ่านทางศีลล้างบาป นำมาซึ่งความเด็ดเดี่ยวในการประกาศข่าวดีและเป็นประจักษ์พยาน แท้จริงแล้ว พันธกิจของพระศาสนจักรจะต้องถูกขับเคลื่อนด้วยชัยชนะแห่งความเที่ยงธรรมและความรักที่เต็มไปด้วยความเมตตา ไม่หวาดกลัวต่อความชั่วร้ายในรูปแบบต่างๆ แบ่งปันและประกาศข่าวดีอันนำความรอดพ้นไปสู่

>>>>DOWNLOAD<<<<

ผู้อํานวยการ PMS ประเทศไทย

คุณพ่อเปาโล ไตรรงค์  มุลตรี ผู้อํานวยการ สมณองค์กรสนับสนุนงานแพร่ธรรม (PMS)ประเทศไทย
คุณพ่อเปาโล ไตรรงค์  มุลตรี
ผู้อํานวยการ
สมณองค์กรสนับสนุนงานแพร่ธรรม
(PMS)ประเทศไทย


LINKS

www.ppoomm.v

http://www.catholicmission.org.au/http://www.missionsocieties.ca/www.pms-phil.orgwww.missio.org.mthttp://www.obrasmisionalespontificias.es/คณะธรรมทูตไทย

สถิติการเยี่ยมชม

14530887
Today
Yesterday
This Week
This Month
All days
149
409
1250
7482
14530887
Your IP: 3.146.65.212
2024-04-25 06:56